บทว่า อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจโย โหติ พึงทราบว่า กิเลส |
คือ ความพอใจเป็นปัจจัยแห่งทุคติปฏิสนธิเป็นกามาวจร อันกรรม คือ |
สังขารุเบกขาให้แก่ฌานในพระเสกขะทั้งหลาย ที่เป็นพระโสดาบันและ |
พระสกทาคามียังไม่บรรลุ. ไม่เป็นปัจจัยแก่ผู้ได้ฌานและแก่พระอนา- |
คามี ตั้งแต่ปฏิสนธิในพรหมโลก, กิเลสนี้แหละเป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิ |
อันโคตรภูที่เป็นอนุโลมให้. |
บทว่า อนิจฺจโต ชื่อว่าโดยความไม่เที่ยง เพราะอรรถว่ามีแล้ว |
ไม่มี เพราะมีความไม่เที่ยงเป็นที่สุด เพราะความมีเบื้องต้นและความมี |
ที่สุด. |
บทว่า ทุกฺขโต ชื่อว่าโดยความเป็นทุกข์ เพราะอรรถว่า |
บีบคั้นบ่อย ๆ เพราะบีบคั้นด้วยความเกิดและความเสื่อม และเพราะ |
เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์. |
บทว่า อนตฺตโต ชื่อว่าโดยความเป็นอนัตตา เพราะอรรถว่า |
ไม่เป็นไปในอำนาจ เพราะอาศัยปัจจัยเป็นไป และเพราะไม่มีสามี- |
เจ้าของไม่มีนิวาสี - ผู้อาศัยอยู่เป็นนิตย์ ไม่มีการก - ผู้ทำและเวทกะ |
- ผู้เสวย. |
บทว่า อนุปสฺสนฏฺเน - โดยสภาพแห่งการพิจารณา ได้แก่ |
โดยสภาพแห่งการ โดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้นตาม ๆ กัน. |
บทว่า อภินีหาโร นานตฺตํ โหติ พึงทราบว่า การน้อมจิต |
ไปต่างกัน หรือ ความต่างกันแห่งการน้อมจิต. |