๗๕๘    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๗๕๙
            พึงทราบวินิจฉัยในหมวด ๓ แห่งมรรคเบื้องสูง   ดังต่อไปนี้.   องค์
ของมรรค  ๘  มีอาทิว่า  ทสิสนฏฺเ€น  สมฺมาทิฏฺ€ิ  ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ
เพราะอรรถว่าเห็น  ย่อมได้เหมือนอย่างได้ในปฐมมรรคอันเกิดในปฐม-
ฌาน.
            ในบทเหล่านั้นมีอธิบายดังนี้      สัมมาทิฏฐิในปฐมมรรค  ย่อมละ
มิจฉาทิฏฐิ  เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า   สัมมาทิฏฐิ.     แม้สัมมาสังกัปปะ
เป็นต้น   ก็พึงทราบโดยอรรถ  คือ  การละมิจฉาสังกัปปะเป็นต้น.   เมื่อ
เป็นอย่างนั้นเพราะละทิฏฐิ ๖๒  ได้ในปฐมมรรคนั่นเอง    จึงไม่มีทิฏฐิที่
ควรละด้วยมรรค  ๓  เบื้องสูง
            ในทิฏฐิเหล่านั้นชื่อว่า   สัมมาทิฏฐิ   เป็นอย่างไร ?    เหมือน
ยาพิษมีอยู่  หรือ จงอย่ามี  ยาวิเศษท่านก็คงเรียกว่า อคโท  อยู่นั่นเอง
ฉันใด,   มิจฉาทิฏฐิมิอยู่  หรือ จงอย่ามี   นี้ก็ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิฉันนั้นนั่น
แล.      นี้เป็นเพียงชื่อต่างกันเท่านั้น,     แต่ความไม่มีกิจแห่งสัมมาทิฏฐิ
ย่อมถึงได้ใน ๓ มรรคเบื้องสูง,    องค์มรรคก็ไม่บริบูรณ์.
            เพราะฉะนั้น   พึงทำสัมมาทิฏฐิพร้อมด้วยกิจ.    องค์มรรคจึงจะ
บริบูรณ์.    พึงแสดงสัมมาทิฏฐิในที่นี้พร้อมด้วยกิจ   โดยกำหนดตามมี
ตามได้.  มานะอย่างหนึ่ง  อันฆ่าด้วยมรรคที่ ๓ เบื้องสูงยังมีอยู่,   มานะ
นั้นตั้งอยู่ในฐานะของทิฏฐิ,    ทิฏฐินี้ย่อมละมานะนั้นได้   เพราะเหตุ
นั้นจึงชื่อว่า  สัมมาทิฏฐิ.
           จริงอยู่   สัมมาทิฏฐิย่อมละมิจฉาทิฏฐิได้ในโสดาปัตติมรรค.   แต่
มานะฆ่าด้วยสกทาคามิมรรคมีอยู่แก่พระโสดาบัน.      ทิฏฐินั้นย่อมละ
มานะนั้นได้  เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า  สัมมาทิฏฐิ.  ความดำริเกิดพร้อม
กับอกุศลจิต ๗  ดวง  มีอยู่แก่จิตดวงนั้น.   ความวุ่นวายทางองค์ของวาจา
ย่อมมีอยู่ด้วยจิตเหล่านั้น,     ความวุ่นวายทางองค์ของกายมีอยู่.      การ
บริโภคปัจจัยมีอยู่,  ความพยายามเกิดร่วมกันมีอยู่,   ความเป็นผู้ไม่มีสติ
มีอยู่.   ความที่จิตมีอารมณ์เดียวเกิดร่วมกันมีอยู่,   เหล่านี้ชื่อว่า  มิจฉา-
สังกัปปะ   เป็นต้น.
          พึงทราบว่า   สัมมาสังกัปปะ   เป็นต้น ในสกทามิมรรค  ชื่อว่า
สัมมาสังกัปปะ   เพราะละ  มิจฉาสังกัปปะ    เหล่านั้นเสียได้.  องค์ ๘
พร้อมด้วยกิจย่อมมีได้ในสกทาคามิมรรคด้วยอาการอย่างนี้.   มานะที่ฆ่า
ได้ด้วยอนาคามิมรรคย่อมมีแก่พระสกทาคามี,     มานะนั้นย่อมตั้งอยู่ใน
ฐานะแห่งทิฏฐิ.      สังกัปปะเป็นต้นเกิดร่วมกันกับจิต  ๗ ดวง   มีอยู่แก่
พระสกทาคามีนั้น.
           พึงทราบความที่องค์ ๘    พร้อมด้วยกิจมีอยู่   ในอนาคามิมรรค
ด้วยการละจิตเหล่านั้น.   มานะที่ฆ่าด้วยอรหัตมรรค   ย่อมมีอยู่แก่พระ-
อนาคามี,  มานะนั้นตั้งอยู่ในฐานะแห่งทิฏฐิ.     สังกัปปะเป็นต้น   เกิด
ร่วมกันกับอกุศลจิต ๕ ดวงเหล่านั้นย่อมมีแก่มานะนั้น.        พึงทราบ