๗๖๒    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๗๖๓
เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งลักษณะอันเป็นสภาวสามัญ.    โลกุตระ   ชื่อว่า
ฌาน   เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งลักษณะที่จริงแท้ในนิพพาน.    แต่ในที่
นี้ท่านกล่าวถึงฌานทั่วไป    แม้ด้วยโคตรภูว่า   ฌาน    เพราะอรรถว่าไม่
แตะต้องสภาพอันเป็นลักขณูปนิชฌาน  แล้วเผากิเลสโดยไม่ทั่วไป.   อนึ่ง
ในที่นี้สภาพแห่งวิโมกข์   เป็นสภาพน้อมไปด้วยดี   ในอารมณ์ คือ  นิพ-
พาน   และสภาพอันพ้นด้วยดีจากกิเลสทั้งหลาย.
           บทว่า   สมาหิตฺวา   ยถา  เจ  ปสฺสติ -  ถ้าพระโยคาวจรตั้ง
ใจมั่นดีแล้ว   ย่อมเห็นแจ้งฉันใด   ความว่า  พระโยคาวจรทำความตั้งจิต
มั่นก่อนด้วยสมาธิอย่างใดอย่างหนึ่ง  บรรดาอัปปนาสมาธิ   อุปจารสมาธิ
และขณิกสมาธิ   แล้วเห็นแจ้งในภายหลัง.  เจ   ศัพท์   เป็นสมุจจยัตถะ
-  มีอรรถว่ารวบรวม   ย่อมรวบรวมวิปัสสนา.
          บทว่า   วิปสฺสมาโน  ตถา  เจ  สมาทเย  -  ถ้าเมื่อเห็นแจ้ง
ก็พึงตั้งใจไว้ให้มั่นคงฉันนั้น  ความว่า   ชื่อว่าวิปัสสนานี้   เป็นวิปัสสนา
เศร้าหมอง   ไม่มีความพอใจ,    อนึ่ง   ชื่อว่าสมถะเป็นสมถะที่ละเอียด
ความพอใจ,     เพราะฉะนั้นพระโยคาวจรเมื่อเห็นแจ้ง    พึงตั้งจิตอัน
เศร้าหมองด้วยวิปัสสนานั้น  เพื่อความเยื่อใย.   อธิบายว่า  พระโยคา
เมื่อเห็นแจ้งเข้าสมาธิอีก  แล้วพึงทำการตั้งใจเหมือนอย่างกระทำวิปัสส-
นา.  เจ  ศัพท์ในที่นี้ย่อมรวบรวมการตั้งมั่นไว้.    เจ   อักษรท่านทำด้วย
การเป็นไปตามคาถาประพันธ์,    แต่ความก็คือ    อักษรนั่นเอง.
         บทว่า  วิปสฺสนาจ  สมโถ   ตทา  อหุ  -  สมถะและวิปัสสนา
ได้มีแล้วในขณะนั้น   ความว่า   เพราะเมื่อสมถะและวิปัสสนาเป็นธรรม
คู่กัน  ความปรากฏแห่งอริยมรรคย่อมมี,    ฉะนั้น   การประกอบธรรม
ทั้ง ๒ นั้น  ในกาลใดย่อมมีเพราะสามารถยังอริยมรรคให้เกิดขึ้น, ใน
กาลนั้นจะวิปัสสนาและสมถะได้มีแล้ว,    สมถะและวิปัสสนา ชื่อว่าเกิดแล้ว.
อนึ่ง  สมถะและวิปัสสนานั้นย่อมเป็นคู่ที่มีส่วนเสมอกันเป็นไปอยู่    ชื่อว่า
สมานภาคา   เพราะอรรถว่าสมถะและวิปัสสนามีส่วนเสมอกัน   ชื่อว่า
ยุคนัทธา    เพราะดุจเทียมคู่กัน,     อธิบายว่า   มีธุระเสมอกัน    มีกำลัง
เสมอกัน   ด้วยอรรถว่าไม่ก้าวล่วงกันและกัน.    ส่วนความพิสดารของ
บทนั้นจักมีแจ้งใน   ยุคนัทธกถา.
         หลายบทว่า  ทุกฺขา    สงฺขารา,  สุโข   นิโรโธติ   ทสฺสนํ,
ทุภโต   วุฏฺ€ิตา  ปญฺา   ผสฺเสติ  อมตํ   ปทํ - ความเห็นว่าสังขาร
ทั้งหลายเป็นทุกข์   นิโรธเป็นสุข    ชื่อว่าปัญญาที่ออกจากธรรมทั้งสอง
ย่อมถูกต้องอมตบท   ความว่า    สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์     นิโรธ   คือ
นิพพานเป็นสุข  เพราะเหตุนั้นการเห็นนิพพาน  อริยมรรคญาณของผู้
ปฏิบัติ  ชื่อว่าปัญญาออกจากธรรมทั้ง  ๒  นั้น.  ปัญญานั้นนั่นแล  ย่อม
ถูกต้อง  คือ  ย่อมได้อมตบท  คือ  นิพพาน  ด้วยถูกต้องอารมณ์.  นิพพาน
ชื่อว่า   อมตํ  เพราะเป็นเช่นกับอมตะด้วยอรรถว่าไม่เดือดร้อน.   ชื่อว่า
อมตํ   เพราะนิพพานนั้นไม่มีความตาย  ความเสื่อม,   ท่านกล่าวว่า ปทํ