๗๖๔    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๗๖๕
เพราะอรรถว่าย่อมปฏิบัติด้วยปฏิปทาใหญ่     ด้วยความอุตสาหะใหญ่ตั้ง
แต่ส่วนเบื้องต้น.
          บทว่า  วิโมกฺขจริยํ    ชานาติ - ย่อมรู้วิโมกขจริยา  คือรู้ความ
เป็นไปแห่งวิโมกข์  ด้วยความไม่ลุ่มหลง,   ย่อมรู้ด้วยการพิจารณา.   พึง
ทราบวิโมกขจริยาอันมาแล้วในวิโมกขกถาข้างหน้าว่า      อริยมรรค ๔
เป็นทุภโตวุฏฐานวิโมกข์,  วิโมกข์  ๔  ออกแต่ทุภโต  คือธรรม    ๔
วิโมกข์  ๔  อนุโลม  แต่ทุภโตวิโมกข์,   วิโมกข์  ๔  สงบจากทุภโต-
วุฏฐานวิโมกข์  ความพิสดารของวิโมกข์เหล่านั้นมาแล้วในวิโมกขกถา
นั่นเอง.
           บทว่า   นานตฺเตกตฺถ  โกวิโท - พระโยคาวจรผู้ฉลาดในความ
เป็นต่างกันและความเป็นอันเดียวกัน   คือ  เป็นผู้ฉลาดในความต่างและ
ความเป็นอันเดียวกันของวิโมกข์เหล่านั้น.   พึงทราบความเป็นอันเดียว
กันแห่งวิโมกข์เหล่านั้น      ด้วยสามารถแห่งวิโมกข์   คือ   การออกจาก
ธรรมทั้ง  ๒  อย่าง,     ความต่างกัน  ด้วยสามารถอริยมรรค  ๔,    หรือ
ความต่างกันด้วยปรารถนาแห่งอนุปัสนาของอริยมรรค  แม้อย่างหนึ่ง  ๆ,
ความเป็นอันเดียวกัน  ด้วยความเป็นอริยมรรค.
๑. ขุ. ปุ. ๓๑/๔๗๐ - ๔๘๓.
          บทว่า   ทวินฺนํ    าณานํ   กุสลตา - ความเป็นผู้ฉลาดในญาณ
ทั้ง  ๒ ได้แก่   ความเป็นผู้ฉลาดในญาณทั้ง ๒ เหล่านี้    คือ   ทัสนะและ
ภาวนา.
           บทว่า   ทสฺสนํ ได้แก่  โสดาปัตติมรรค.   เพราะว่า  โสดาปัตติ-
มรรคนั้นท่านกล่าวว่า   ทสฺสนํ  -  ทัสนะ    เพราะเห็นนิพพานก่อน.
ส่วนโคตรภูญาณ   ย่อมเห็นนิพพานก่อนกว่าก็จริง,      ถึงดังนั้นท่านไม่
เรียกว่าทัสนะ - เห็น   เพราะไม่มีการละกิเลสที่ควรทำ  เหมือนอย่างว่า
บุรุษผู้มาสู่สำนักของพระราชาด้วยกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง      แม้เห็นพระ-
ราชาผู้ประทับบนคอช้างเสด็จมาตามถนนแต่ที่ไกลเทียว    ถูกเขาถามว่า
ท่านเฝ้าพระราชาแล้วหรือ     แม้เห็นแล้วก็กล่าวว่า   ข้าพเจ้ายังมิได้เฝ้า
เพราะความที่กิจอันบุคคลพึงกระทำตนยังมิได้กระทำฉะนั้น.      จริงอยู่
โคตรภูญาณนั้นตั้งอยู่ในที่อาวัชชนะ     คือการนึกถึงมรรค.
          บทว่า   ภาวนา   ได้แก่   มรรค ๓ ที่เหลือ.    เพราะมรรค ๓ ที่
เหลือนั้นย่อมเกิดขึ้น   ด้วยสามารถภาวนในธรรมที่เห็นแล้วด้วยปฐม-
มรรคนั่นเอง,     ไม่เห็นอะไร ๆ ที่ไม่เคยเห็น,   ฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่า
ทสฺสนํ.    แต่ภายหลังท่านไม่กล่าวว่า  ทวินฺนํ   าณฺนํ  -  แห่งญาณ
๒   อย่าง  เพราะภาวนามรรคยังไม่เสร็จ   แล้วกล่าวว่า    ฌานวิโมกฺเข
กุสลตา - ความเป็นผู้ฉลาดในฌานและวิโมกข์      หมายถึงผู้ได้โสดา-
ปัตติมรรค   สกทาคามิมรรคและอนาคามิมรรค,    แต่พึงทราบว่า   ท่าน