๗๗๔    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๗๗๕
ไม่หวั่นไหวเพราะความเกียจคร้าน     ชื่อว่าสติพละ.      เพราะอรรถว่า
ไม่หวั่นไหวเพราะความประมาท     ชื่อว่าสมาธิพละ     เพราะอรรถว่า
ไม่หวั่นไหวเพราะความฟุ้งซ่าน     ชื่อว่าปัญญาพละ       เพราะอรรถว่า
ไม่หวั่นไหวเพราะอวิชชา  ชื่อว่าสัทธินทรีย์  เพราะอรรถว่าน้อมใจเชื่อ
ชื่อว่าวีริยินทรีย์  เพราะอรรถว่าประคองไว้   ชื่อว่าสตินทรีย์   เพราะ
อรรถว่าตั้งมั่น    ชื่อว่าสมาธินทรีย์   เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน  ชื่อว่า
ปัญญินทรีย์ เพราะอรรถว่าเห็น ชื่อว่าอินทรีย์ เพราะอรรถว่าเป็นใหญ่
ชื่อว่าพละ   เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหว   ชื่อว่าสัมโพชฌงค์   เพราะ
อรรถว่านำออก ชื่อว่ามรรค เพราะอรรถว่าเป็นเหตุ  ชื่อว่าสติปัฏฐาน
เพราะอรรถว่าตั้งมั่น   ชื่อว่าสัมมัปธาน   เพราะอรรถว่าตั้งไว้   ชื่อว่า
อิทธิบาท   เพราะอรรถว่าสำเร็จ   ชื่อว่าสัจจะ     เพราะอรรถว่าจริงแต่
ชื่อว่าสมถะ  เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน  ชื่อว่าวิปัสสนา  เพราะอรรถว่า
พิจารณาเห็น  ชื่อว่าสมถวิปัสสนา   เพราะอรรถว่ามีกิจอย่างเดียวกัน
ชื่อว่าเป็นคู่   เพราะอรรถว่าไม่ล่วงเกินกัน   ชื่อว่าสีลวิสุทธิ  เพราะ
อรรถว่าสำรวม ชื่อว่าจิตตวิสุทธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน ชื่อว่าทิฏฐิ-
วิสุทธิ เพราะอรรถว่าเห็น    ชื่อว่าวิโมกข์    เพราะอรรถว่าหลุดพ้น
ชื่อว่าวิชชา เพราะอรรถว่าแทงตลอด ชื่อว่าวิมุตติ เพราะอรรถว่าปล่อย
ชื่อขยญาณ  เพราะอรรถว่าตัดขาด ชื่อว่าฉันทะ  เพราะอรรถว่าเป็น
มูล  ชื่อว่ามนสิภาร เพราะอรรถว่าเป็นสมุฏฐาน  ชื่อว่าผัสสะ  เพราะ
อรรถว่าเป็นที่รวม  ชื่อว่าเวทนา  เพราะอรรถว่าเป็นที่ประชุม   ชื่อว่า
สมาธิ    เพราะอรรถว่าเป็นประธาน  ชื่อว่าสติ   เพราะอรรถว่าเป็นใหญ่
ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ายิ่งกว่าธรรมนั้นๆ    ชื่อว่าวิมุตติ เพราะอรรถ
ว่าเป็นแก่นสาร   ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ  เพราะอรรถว่า
เป็นแก่นสาร     ชื่อว่านิพพานอันหยั่งลงในอมตะ       เพราะอรรถว่า
เป็นที่สุด   ธรรมเหล่านี้    เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น     พระโยคาวจร
ออกจากสมาบัติแล้ว   ย่อมพิจารณาเห็นธรรมเหล่านี้เข้ามาประชุมกัน
ในขณะนั้น.
           [ ๑๕๗]   ในขณะแห่งโสดาปัตติผล        ญาณชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ
เพราะอรรถว่าเห็น   ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะ  เพราะอรรถว่าดาริออก ฯล ฯ
ชื่อว่าอนุปปาทญาณ คือญาณในความไม่เกิดขึ้น     เพราะอรรถว่าระงับ
ชื่อว่าฉันทะ    เพราะอรรถว่าเป็นมูล     ชื่อว่ามนสิการ   เพราะอรรถว่า
เป็นสมุฏฐาน . . . ชื่อว่าวิมุตติ    เพราะอรรถว่าเป็นแก่นสาร   ชื่อว่านิพ-
พานอันหยั่งลงในอมตะ    เพราะอรรถว่าเป็นที่สุด   ธรรมเหล่านี้เข้ามา
ประชุมกันในขณะนั้น พระโยคาวจรออกจากสมาบัติแล้ว  ย่อมพิจารณา
เห็นว่า   ธรรมเหล่านี้เข้ามาประชุมกันในขณะนั้น.
            [๑๕๘]   ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค    ฯลฯ     ในขณะแห่ง
สกทาคามิผล   ฯลฯ  ในขณะแห่งอนาคามิมรรค   ฯลฯ   ในขณะแห่ง
อนาคามิผล   ฯลฯ   ในขณะแห่งอรหัตมรรค      ญาณชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ