ก่อน เพราะอรรถว่าเป็นเหตุในขณะแห่งมรรคนั่นเอง แล้วจึงแสดง |
ถึงโพชฌงค์ไว้แผนกหนึ่งโดยความเป็นองค์แห่งอริยะ อันได้ชื่อว่า โพธิ |
เพราะอรรถว่าตรัสรู้ธรรมอันเป็นองค์แห่งมรรค และมิใช่องค์แห่งมรรค |
อีก. จริงอยู่ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ วีริยสัมโพชฌงค์ |
สมาธิสัมโพชฌงค์ เป็นองค์แห่งมรรคอย่างเดียว, ปีติสัมโพชฌงค์ |
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มิใช่องค์แห่งมรรค. |
บรรดาธรรมทั้งหลายที่แสดงไว้ต่างหาก โดยเป็นพละและอิน- |
ทรีย์ ศรัทธาเท่านั้นมิใช่เป็นองค์แห่งมรรค. พระสารีบุตรเถระเมื่อจะ |
แสดงธรรมที่เกิดในขณะแห่งมรรคอีก ด้วยสามารถเป็นหมวดหมู่ จึง |
กล่าวคำมีอาทิว่า อาธิปเตยฺยฏฺเน - ชื่อว่าอินทรีย์ เพราะอรรถว่า |
เป็นใหญ่. |
ในบทเหล่านั้นบทว่า อุปฏฺานฏฺเน สติปฏฺานา - ชื่อว่า |
สติปัฏฐาน เพราะอรรถว่าตั้งมั่น ความว่า สติเป็นไปในกาย เวทนา |
จิตธรรมมีนิพพานเป็นอารมณ์อย่างเดียวเท่านั้น ทั้ง ๔ อย่างนั้น ชื่อว่า |
สติปัฏฐาน ด้วยสามารถให้สำเร็จกิจในการละความสำคัญว่า งาม เป็น |
สุข เที่ยง เป็นตัวตน, วีริยะอย่างเดียวเท่านั้น มีนิพพานเป็นอารมณ์ |
ชื่อว่าสัมมัปธาน ๔ ด้วยให้สำเร็จกิจ คือ ละอกุศลที่เกิดแล้วและอกุศล |
ที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น ให้สำเร็จกิจ คือ ความเกิดขึ้นแห่งกุศลที่ยัง |
ไม่เกิด และความตั้งอยู่แห่งกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว. |