เหตุ พึงทราบในความเป็นเหตุแห่งผลนั่นเอง. |
บทว่า สมฺมปฺปธานา ความเพียรชอบ พึงทราบว่าท่านกล่าว |
เพราะความที่ผลอันเป็นกิจของความเพียรยังกิจ ๔ อย่างให้สำเร็จ- |
แล้วในขณะเกิด. เพราะสัมมัปธาน ย่อมไม่ได้ในขณะผลโดยประการ |
อื่น. พระเถระผู้ยกโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ขึ้นในขณะแห่งมรรคกล่าวไว้ |
ว่า ธรรม ๓๗ ประการที่เหลือ เว้นสัมมัปธาน ๔ ย่อมได้ในขณะแห่ง |
ผล. พึงทราบแม้สัจจะเป็นต้น ตามที่ประกอบด้วยสามารเาสำเร็จกิจมีกิจ |
คือ การแทงตลอดเป็นต้น อย่างนั้นเหมือนกัน. |
อนึ่ง บทว่า วิโมกฺโข ได้แก่ ผลวิโมกข์. |
บทว่า วิมุตฺติ ได้แก่ ผลวิมุตติ. |
ชื่อ อนุปฺปาทญาณ - ญาณในความไม่เกิด เพราะอรรถว่า |
ระงับ มีความดังได้กล่าวแล้วนั่นแล. |
บทว่า วุฏฺหิตฺวา - ออกแล้ว ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ด้วยอำนาจ |
แห่งผล เพราะไม่มีการออกในระหว่าง. |
บทว่า อิเม ธมฺนา ตทา สมุทาคตา - ธรรมเหล่านี้เริ่มเกิด |
ในครั้งนั้น พึงทราบการเชื่อมใส่ อิติ ศัพท์ อันเป็นบาลีที่เหลือว่า |
พระโยคาวจรย่อมพิจารณาว่า ธรรมมีประการดังกล่าวแล้วเหล่านี้ เริ่ม |
เกิดในขณะแห่งมรรค และในขณะแห่งผล ดังนี้. |
จบ อรรถกถาปัจจเวกขณญาณนิทเทส |