[๑๘๓] ธรรมมีโยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น ๙ ประการ เมื่อ |
พระโยคาวจรมนสิการโดยอุบายอันแยบคายโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิด |
ปราโมทย์ เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ เมื่อใจมีปีติ กายย่อม |
สงบ ผู้มีกายสงบ ย่อมได้เสวยความสุข ผู้มีความสุข จิตย่อมตั้งมั่น |
ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงด้วยจิตอันตั้งมั่นว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย |
นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อพระโยคาวจรมนสิการ |
โดยอุบายอันแยบคายโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์... เมื่อ |
มนสิการโดยอุบายอันแยบคายโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์ |
ฯลฯ เมื่อมนสิการรูปโดยอุบายอันแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง |
ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการรูปโดยอุบายอันแยบคาย โดยความ |
เป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการรูปโดยอุบาย้อนแยบคาย |
โดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์ ฯลฯ เสื่อมนสิการเวทนา |
สัญญา สังขาร วิญญาณ จักษุ ฯลฯ ชราและมรณะ โดยอุบาย |
อันแยบคายโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อมนสิการ |
ชราและมรณะโดยอุบายอันแยบคาย โดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิด |
ปราโมทย์ เมื่อมนสิการชราและมรณะโดยอุบายอันแยบคาย โดยความ |
เป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ |
เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข ผู้มีความสุข |
จิตย่อมตั้งมั่น ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงด้วยจิตอันตั้งมั่นว่า นี้ทุกข์ |