๘๒๖    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๘๒๗
            [๑๘๒]  ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น  ๙  ประการ  เมื่อ
พระโยคาวจรมนสิการโดยความไม่เที่ยง     ย่อมเกิดปราโมทย์     เมื่อถึง
ความปราโมทย์ย่อมเกิดปีติ    เมื่อใจมีปีติ    กายย่อมสงบ    ผู้มีกายสงบ
ย่อมได้เสวยสุข   ผู้มีความสุข  จิตย่อมตั้งมั่น   เมื่อจิตตั้งมั่น   ย่อมรู้ย่อม
เห็นตามความเป็นจริง   เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย  เมื่อ
เบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด      เพราะคลายความกำหนัด    จิตย่อม
หลุดพ้น   เมื่อพระโยคาวจรมนสิการโดยความทุกข์   ย่อมเกิดปราโมทย์
ฯลฯ   เมื่อมนสิการโดยความเป็นอนัตตา     ย่อมเกิดปราโมทย์     เมื่อ
มนสิการรูปโดยความไม่เที่ยง   ย่อมเกิดปราโมทย์   เมื่อมนสิการรูปโดย
ความเป็นทุกข์  ฯลฯ  เมื่อมนสิการรูปโดยความเป็นอนัตตา  ฯลฯ  เมื่อ
มนสิการเวทนา   สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  จักษุ  ฯลฯ  ชราและมรณะ
โดยความไม่เที่ยง     ย่อมเกิดปราโมทย์   เมื่อมนสิการชราและมรณะโดย
ความเป็นทุกข์    ย่อมเกิดปราโมทย์     เมื่อมนสิการชราและมรณะโดย
ความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์   เมื่อถึงความปราโมทย์   ย่อมเกิด
ปีติ  เมื่อใจเกิดปีติ     กายย่อมสงบ    ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข    ผู้มี
ความสุข  จิตย่อมตั้งมั่น  เมื่อจิตตั้งมั่น  ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย     เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลาย
ความกำหนัด    เพราะคลายความกำหนัด     จิตย่อมหลุดพ้น   ธรรมมี
ความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น  ๙  ประการนี้.
          [๑๘๓]   ธรรมมีโยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น  ๙ ประการ  เมื่อ
พระโยคาวจรมนสิการโดยอุบายอันแยบคายโดยความไม่เที่ยง  ย่อมเกิด
ปราโมทย์   เมื่อถึงความปราโมทย์   ย่อมเกิดปีติ   เมื่อใจมีปีติ    กายย่อม
สงบ   ผู้มีกายสงบ   ย่อมได้เสวยความสุข    ผู้มีความสุข    จิตย่อมตั้งมั่น
ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงด้วยจิตอันตั้งมั่นว่า    นี้ทุกข์    นี้ทุกขสมุทัย
นี้ทุกขนิโรธ    นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา    เมื่อพระโยคาวจรมนสิการ
โดยอุบายอันแยบคายโดยความเป็นทุกข์     ย่อมเกิดปราโมทย์...   เมื่อ
มนสิการโดยอุบายอันแยบคายโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
ฯลฯ  เมื่อมนสิการรูปโดยอุบายอันแยบคาย   โดยความเป็นของไม่เที่ยง
ย่อมเกิดปราโมทย์     เมื่อมนสิการรูปโดยอุบายอันแยบคาย    โดยความ
เป็นทุกข์    ย่อมเกิดปราโมทย์     เมื่อมนสิการรูปโดยอุบาย้อนแยบคาย
โดยความเป็นอนัตตา  ย่อมเกิดปราโมทย์   ฯลฯ   เสื่อมนสิการเวทนา
สัญญา    สังขาร   วิญญาณ   จักษุ   ฯลฯ   ชราและมรณะ     โดยอุบาย
อันแยบคายโดยความเป็นของไม่เที่ยง   ย่อมเกิดปราโมทย์  เมื่อมนสิการ
ชราและมรณะโดยอุบายอันแยบคาย     โดยความเป็นทุกข์     ย่อมเกิด
ปราโมทย์   เมื่อมนสิการชราและมรณะโดยอุบายอันแยบคาย  โดยความ
เป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์    เมื่อถึงความปราโมทย์   ย่อมเกิดปีติ
เมื่อใจมีปีติ     กายย่อมสงบ    ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข    ผู้มีความสุข
จิตย่อมตั้งมั่น     ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงด้วยจิตอันตั้งมั่นว่า  นี้ทุกข์