บทว่า กิริยํ ได้แก่ กามาวจรกิริยา ๑ ด้วยสามารถแห่งปริตต- |
กิริยา ๓. มหากิริยา ๘. ชื่อว่ากิริยาเพราะเป็นเพียงกิริยาโดยไม่มีวิวิบาก. |
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ท่านกล่าวกามาวจรด้วยอำนาจแห่งรูปเป็นอัพยา- |
กฤต วิบากเป็นอัพยกฤต กิริยาเป็นอัพยากฤต. |
[๑๗๙ - ๑๘๐] บทว่า อิธฏฺสฺส ได้แก่ ของบุคคลผู้ยังอยู่ |
ในโลกนี้. โดยมากท่านกล่าวด้วยสามารถแห่งมนุษยโลก เพราะมี |
ฌานภาวนาในมนุษยโลก. อนึ่ง แม้ในเทวโลกบางแห่งบางครั้งก็ได้ |
ฌาน. แม้ในพรหมโลกรูปพรหมทั้งหลายก็ยังได้ ด้วยสามารถของผู้ |
เกิดในพรหมโลกนั้น ผู้เกิดในเบื้องล่าง และผู้เกิดในเบื้องบน. แต่ใน |
ชั้นสุทธาวาสและในอรูปาวจร ไม่มีผู้เกิดในเบื้องล่าง. ในรูปาวจร |
อรูปาวจรผู้ไม่เจริญฌาน เกิดในเบื้องล่าง ย่อมเกิดในกามาวจรสุคติ |
เท่านั้น ไม่เกิดในทุคติ. |
บทว่า ตตฺรูปปนฺนสฺส - ของบุคคลผู้เกิดในพรหมโลกนั้น ได้ |
แก่ วิบากฌาน ๔ เป็นไปด้วยอำนาจปฏิสนธิภวังค์และจุติ ของบุคคล |
ผู้เกิดในพรหมโลกด้วยอำนาจของวิบาก. ท่านมิได้กล่าวถึงกิริยาอันเป็น |
อัพยาถฤต ในฌานสมาบัติอันเป็นรูปาวจรและอรูปาวจร. ถึงแม้ท่าน. |
มิได้กล่าวก็จริง พึงทราบว่า เมื่อท่านกล่าวถึงกุศล ก็เป็นอันกล่าว |
ถึงกิริยาเป็นอัพยากฤตไว้ด้วย เพราะเป็นไปเสมอกันด้วยกุศลโดยแท้. |
พึงทราบในข้อนี้เหมือนอย่างในปัฏฐาน ท่านสงเคราะห์กิริยาชวนะด้วย |