๘๘๒    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๘๘๓
        บทว่า  วจีสงฺขารา - วจีสังขาร  ได้แก่  วิตก  วิจาร.  ชื่อว่า
วจีสงฺขารา  เพราะอรรถว่าปรุงแต่ง  ให้เกิดวาจา  เพราะบาลีว่า  ดูก่อน
อาวุโสวิสาขะ  บุคคลตรึกตรองก่อนแล้วจึงเปล่งวาจาในภายหลัง.
เพราะฉะนั้นวิตกวิจาร  จึงเป็นวจีสังขาร.
        บทว่า  กายสงฺขารา - กายสังขาร  ได้แก่  ลมอัสสาสะปัสสาสะ.
ชื่อว่า  กายสงฺขารา  เพราะอรรถว่า  อันกายปรุงแต่ง  เพราะบาลีว่า
ดูก่อนอาวุโสวิสาขะ  ธรรมเหล่านี้  คือ  ลมอัสสาสะ  ลมปัสสาสะอยู่
ในกาย  เนื่องด้วยกาย.  เพราะฉะนั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ  จึงเป็น
กายสังขาร.
        บทว่า  สญฺาเวทยิตนิโรธํ  -  สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ  ดับ
สัญญาและเวทนา.  บทว่า  จิตฺตสงฺขารา - จิตตสังขาร  ได้แก่  สัญญา
และเวทนา.  ชื่อว่า  จิตฺตสงฺขารา  เพราะอรรถว่า  อันจิตปรุงแต่ง
เพราะบาลีว่า  เจตสิกธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต.  เพราะฉะนั้น  สัญญา
และเวทนา  จึงเป็นจิตตสังขาร.
        ในญาณจริยาทั้งหลาย  พึงทราบว่า  จริยากถาอันเป็นเบื้องต้น
แห่งอนุปัสนานั้น  ท่านกล่าวว่าญาณจริยา  ด้วยสามารถแห่งอนุปัสนา
หรือด้วยวิวัฏฏนานุปัสนา  แม้อนุปัสนาที่เหลือก็เป็นอันถือเอาไว้.
๑. บาลีว่า กาเยน สํขริยนฺตีติ กายสํขารา (โดยมาก แปลว่า ปรุงแต่งกาย)
๒. จิตฺเตน สํขริยนฺตีติ จิตฺตสํขารา (โดยมาก แปลว่า ปรุงแต่งจิต)
         บทว่า   โสฬสหิ   ญาณจริยาหิ - ด้วยญาณจริยา ๑๖  เป็น
กำหนดอย่างอุกกฤษฏ์  เพราะพระอนาคามีเป็นผู้มีกำลังบริบูรณ์ด้วยจริยา
แม้  ๑๔ จะได้บรรลุอรหัตมรรคและอรหัตผลต่อไป.
         ในบทว่า  นวหิ  สมาธิจริยาหิ - ด้วยสมาธิจริยา ๙  นี้ พึง
ทราบความดังต่อไปนี้  จริยา ๘  ด้วยปฐมฌานเป็นต้น.  จริยา  ๑ ด้วย
สามารถแห่งอุปจารฌานในธรรมทั้งปวงเพื่อได้ปฐมฌานเป็นต้น  รวม
เป็นสมาธิจริยา  ๙.   ถามว่า  เพื่อความต่างกันแห่งพลจริยาเป็นอย่างไร ?
ตอบว่า   แม้ในสมถพละท่านกล่าวถึงอุปจารสมาธิไว้โดยปริยาย ๗   มี
อาทิว่า  เนกฺขมฺมวเสน. - ด้วยอำนาจแหงเนกขัมมะ  โยความพิสดาร
แห่งไปยาล  คือ  ละความไว้   ท่านกล่าวถึงอัปปนาสมาธิและอุปจารสมาธิ
ตามควรด้วยวาระ  ๗๐  บริบูรณ์    มีอาทิว่า  ป€มชฺฌานวเสน    ด้วย
สามารถแห่งปฐมฌาน.     แม้ในสมาธิจริยาท่านก็กล่าวถึงอัปปนาสมาธิ
ไว้โดยปริยาย  ๘ มีอาทิว่า   ป€มํ   ฌานํ.
           ท่านกล่าวอุปจารสมาธิไว้โดยปริยาย ๘  มีอาทิว่า   ป€มํ   ฌานํ
ปฏิลาภตฺถาย - เพื่อประโยชน์แก่การ  ได้ปฐมฌาน   เพราะเหตุนั้นท่าน
จึงกล่าวอัปปนาสมาธิและอุปจารสมาธิไว้ในที่ทั้งสอง.  แม้เมื่อเป็นอย่าง
นั้นก็พึงทราบว่า   ชื่อว่าพละ   เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหว    ชื่อว่าจริยา
เพราะอรรถว่ามีความชำนาญ.    อนึ่ง  ในวิปัสสนาพละ   ท่านกล่าวอนุ-
ปัสนา ๗ ว่าวิปัสสนาพละ.      และกล่าวอนุปัสนา ๗  ไว้ในญาณจริยา.