บทว่า โสฬสหิ ญาณจริยาหิ - ด้วยญาณจริยา ๑๖ เป็น |
กำหนดอย่างอุกกฤษฏ์ เพราะพระอนาคามีเป็นผู้มีกำลังบริบูรณ์ด้วยจริยา |
แม้ ๑๔ จะได้บรรลุอรหัตมรรคและอรหัตผลต่อไป. |
ในบทว่า นวหิ สมาธิจริยาหิ - ด้วยสมาธิจริยา ๙ นี้ พึง |
ทราบความดังต่อไปนี้ จริยา ๘ ด้วยปฐมฌานเป็นต้น. จริยา ๑ ด้วย |
สามารถแห่งอุปจารฌานในธรรมทั้งปวงเพื่อได้ปฐมฌานเป็นต้น รวม |
เป็นสมาธิจริยา ๙. ถามว่า เพื่อความต่างกันแห่งพลจริยาเป็นอย่างไร ? |
ตอบว่า แม้ในสมถพละท่านกล่าวถึงอุปจารสมาธิไว้โดยปริยาย ๗ มี |
อาทิว่า เนกฺขมฺมวเสน. - ด้วยอำนาจแหงเนกขัมมะ โยความพิสดาร |
แห่งไปยาล คือ ละความไว้ ท่านกล่าวถึงอัปปนาสมาธิและอุปจารสมาธิ |
ตามควรด้วยวาระ ๗๐ บริบูรณ์ มีอาทิว่า ปมชฺฌานวเสน ด้วย |
สามารถแห่งปฐมฌาน. แม้ในสมาธิจริยาท่านก็กล่าวถึงอัปปนาสมาธิ |
ไว้โดยปริยาย ๘ มีอาทิว่า ปมํ ฌานํ. |
ท่านกล่าวอุปจารสมาธิไว้โดยปริยาย ๘ มีอาทิว่า ปมํ ฌานํ |
ปฏิลาภตฺถาย - เพื่อประโยชน์แก่การ ได้ปฐมฌาน เพราะเหตุนั้นท่าน |
จึงกล่าวอัปปนาสมาธิและอุปจารสมาธิไว้ในที่ทั้งสอง. แม้เมื่อเป็นอย่าง |
นั้นก็พึงทราบว่า ชื่อว่าพละ เพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหว ชื่อว่าจริยา |
เพราะอรรถว่ามีความชำนาญ. อนึ่ง ในวิปัสสนาพละ ท่านกล่าวอนุ- |
ปัสนา ๗ ว่าวิปัสสนาพละ. และกล่าวอนุปัสนา ๗ ไว้ในญาณจริยา. |