อารมณ์ก็ตาม. แก้อย่างก่อนดึกว่า เพราะท่านกล่าวถึงความเป็นผู้ชำ- |
นาญฌาน แม้มีกสิณอย่าหนึ่งเป็นอารมณ์ไว้แล้ว. |
บทว่า ยาวติจฺฉกํ - ปรารถนาเพียงใด คือ คำนึงถึงกาลที่ |
ปรารถนาเพียงลัดนิ้วมือเดียวหรือ ๗ วัน. บทว่า อาวชฺชนาย - ใน |
การคำนึง ได้แก่ มโนทวาราวัชชนะ. |
บทว่า ทนฺธายิตตฺตํ - ความเนิ่นช้า คือ ความไม่เป็นไปใน |
อำนาจ. หรือความเกียจคร้าน. |
| |
บทว่า สมาปชฺชติ - ย่อมเข่า คือ ย่อมปฏิบัติ. อธิบายว่า |
ย่อมแนบแน่น. |
บทว่า อธิฏฺาติ - ย่อมอธิฏฐาน คือ ตั้งใจทำให้ยิ่งในภายใน |
สมาบัติ. บทว่า ปมํ ฌานํ ในวุฏฐานวสี เป็นทุติยาวิภัตติลงใน |
อรรถแห่งปัญจมีวัตติ แปลว่า จากปฐมฌาน. |
บทว่า ปจฺจเวกขติ - ย่อมพิจารณา คือ เห็นทันทีด้วยการ |
ในรูปแห่งการพิจารณา. นี้เป็นการพรรณนาบาลีในบทนี้. |
ต่อไปนี้เป็นการชี้แจงความ เมื่อพระโยคาวจรออกจากปฐมฌาน |
แล้วคำนึงถึงวิตกชวนจิต ๔ หรือ ๕ ดวง มีวิตกเป็นอารมณ์ ย่อมแล่น |
ไปในลำดับแห่งอาวัชชนจิตอันตัดภวังค์เป็นไป. แต่นั้นภวังคจิต ๒ ดวง |
แล่นไป. แต่นั้นอาวัชชนจิตมีวิจารเป็นอารมณ์แล่นไปโดยนัยดังกล่าว |