๘๘๖    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๘๘๗
แล้วอีก.    พระโยคาวจรสามารถตั้งจิตไปในลำดับในองค์ฌาน ๕  ด้วย
ประการฉะนี้. คราวนี้อาวัชชนวสีของพระโยคาวจรนั้น   เป็นอันสำเร็จ.
            ส่วนวสีอันถึงที่สุดนี้   ย่อมได้ในยมกปาฏิหาริย์ของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเท่านั้น.  นอกจากนี้ไม่มีอาวัชชนวสีที่เร็วกว่า.   การคำนวณใน
ภวังควาระในลำดับ ๆ   ไม่มีแก่ผู้อื่น.       ความเป็นผู้สามารถในการเข้า
สมาบัติได้เร็ว  ดุจในการทรมานนันโทปนันทนาคของพระมหาโมคคัล-
ลานเถระ   ชื่อว่าสมาปัชชนวสี.  ความเป็นผู้สามารถเพื่อดำรงสมาบัติ
ตลอดขณะเพียงนิ้วมือเดียว   หรือเพียง  ๑๐ นิ้วมือ   ชื่อว่าอธิฏฐานวสี.
           อนึ่ง   ความเป็นผู้สามารถออกได้เร็วกว่านั้น  ชื่อว่า  วุฏฺ€านวสี.
ส่วนปัจจเวกขณวสี   ท่านกล่าวไว้แล้วในอาวัชชนวสีนั่นแหละ.  เพราะ
ว่า  ปัจจเวกขณชวนะเป็นลำดับของอาวัชชนะในอาวัชชนวสีนั้น.  เป็น
อันว่าปัจจเวกขณวสีสำเร็จ         ด้วยความสำเร็จแห่งอาวัชชนวสี  ด้วย
ประการฉะนี้.     และวุฏฐานวสีเป็นอันสำเร็จ     ด้วยความสำเร็จแห่ง
อธิฏฐานวสี.
           แม้เมื่อเป็นอย่างนี้    ความเป็นผู้สามารถในการยังอาวัชชนะให้
เป็นไปโดยนัยดังกล่าวแล้ว     ในกสิณนั้นเร็วตามชอบใจของผู้ประสงค์
เพื่อจะเข้าฌานมีกสิณนั้น ๆ เป็นอารมณ์  เพราะความสำเร็จด้วยสามารถ
กสิณต่าง ๆ  ของผู้นิรมิตมีเพศหลายอย่างเป็นต้น     เพราะไม่มีปัจจเวก-
ขณะอันเป็นองค์ฌานในเวลาแสดงปาฏิหาริย์     เพราะท่านกล่าวไว้แล้ว
ว่า       วสีอันถึงที่สุดนี้ย่อมได้ในยมกปาฏิหาริย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เท่านั้น  ชื่อว่าอาวัชชนวสี.
           ความเป็นผู้สามารถในอัปปนา  และความเป็นผู้สามารถเข้าฌาน
นั้น ๆ  ในวิถีแห่งอาวัชชนะในกาลนั้น   ชื่อว่าสมาปัชชนวสี.      ก็เมื่อ
กล่าวอย่างนี้เป็นอันยุติและไม่ผิด.  อนึ่งลำดับแห่งวสีย่อมควรตามลำดับ
นั่นเอง.     อนึ่ง   ในการพิจารณาองค์แห่งฌาน   เพราะท่านกล่าวไว้ว่า
ชวนจิต  ๕  ดวง   ถึงที่สุดแล้ว    แม้เมื่อชวนจิต ๗  ดวง  แล่นไปโดยนัย
ดังกล่าวแล้ว    ก็ย่อมเป็นปัจจเวกขณวสีเหมือนกัน.
           เมื่อเป็นอย่างนั้นหากกล่าว่า  คำว่า   คำนึงถึงปฐมฌาน    ย่อม
ไม่ถูก.  ท่านกล่าวฌานเป็นไปในกสิณ  ว่าเป็นกสิณโดยเป็นอุปจารของ
เหตุ    ฉันใด.  ท่านกล่าวกสิณมีฌานเป็นปัจจัย    ก็ฉันนั้น  ว่าเป็นฌาน
โดยเป็นอุปจานแห่งผล    ดุจในคำมีอาทิว่า   สุโข   พุทธานมุปฺปาโท-
การเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นความสุข.   แม้เมื่อมีการก้าวลง
สู่ฌานอีก   ดุจในการที่บุคคลตื่นจากหลับตามกาลที่กำหนดไว้แล้วก้าวลง
สู่ความหลับอีก    ชื่อว่าอธิฏฐานวสี.     แม้เมื่อมีการอธิฏฐานในการลุกขึ้น
ของผู้ที่ลุกขึ้นตามกาลที่กำหนด    ก็ชื่อว่าวุฏฐานวาสี.   นี้เป็นความต่างกัน
ของวสีเหล่านั้น  ด้วยประการฉะนี้.
          เพื่อชี้แจงนิโรธสมาบัติจึงมีปัญหาดังต่อไปนี้    นิโรธสมาบัติเป็นอย่าง
อย่างไร.  ใครเข้านิโรธสมาบัตินั้น.    ใครไม่เข้า.  เข้าในที่ไหน
๑. ขุ. ธ. ๒๕/๒๔.