๘๘๘    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๘๘๙
เพราะเหตุไรจึงเข้า.   อย่างไรจึงเป็นอันเข้านิโรธสมาบัตินั้น.  ตั้งอยู่
อย่างไร.  ออกอย่างไร.    ผู้ออกมีจิตน้อมไปสู่อะไร.   คนตายและคนเข้า
ต่างกันอย่างไร.   นิโรธสมาบัติ    เป็นสังขตะ   หรืออสังขตะ    เป็นโลกิยะ
หรือโลกุตระ   เป็นนิปผันนะ  -  สำเร็จ   หรืออนิปผันนะ -  ไม่สำเร็จ.
           ในปัญหากรรมเหล่านั้น  บทว่า  กา  นิโรธสมาปตฺติ  -  นิโรธ-
สมาบัติเป็นอย่างไร   คือ  จิตเจตสิกธรรมทั้งหลายไม่เป็นไปด้วยสามารถ
แห่งอนุปุพพนิโรธ   คือ   นิโรธตามลำดับ.   ชื่อว่านิโรธสมาบัติ.
         บทว่า  เก   ตํ   สมฺปชฺชนฺติ, เก  น  สมาปชฺชนฺติ  -  ใคร
เข้านิโรธสมาบัตินั้น   ใครไม่เข้า  คือ  ปุถุชนแม้ทั้งหมด   พระโสดาบัน
พระสกทาคามี   และพระอนาคามี   พระอรหันต์ผู้เป็นสุกขวิปปัสสก   ไม่
เข้า.   ส่วนพระอนาคามีผู้ได้สมาบัติ ๘ และพระขีณาสพ   เข้า.
         บทว่า   กตฺถ  สปชฺชนฺติ -  เข้าในที่ไหน ?   คือ  ในภพที่มี
ขันธ์ ๕. เพราะเหตุไร ?   เพราะมีสมาบัติตามลำดับ.    ส่วนในภพ  คือ
ขันธ์  ๔  ปฐมฌานเป็นต้น  ไม่มีการเกิดเลย.     เพราะฉะนั้น  จึงไม่
สามารถเข้าในภพนั้นได้.
          บทว่า   กสฺม   สมาปชฺชนฺติ - เพราะเหตุไรจึงเข้า ?  คือ  เป็น
ผู้เบื่อหน่ายในความเป็นไปของสังขารไม่คิดจะอยู่ในทิฏฐธรรม    จึงเข้า
ด้วยคิดว่า   เราถึงนิพพานอันเป็นความดับแล้ว  จักอยู่เป็นสุข.
           บทว่า   กถญฺจสฺสา  สมาปชฺชนํ  โหติ - อย่างไรจึงเป็นอัน
เข้านิโรธสมาบัตินั้น ?  คือ  เมื่อขวนขวายด้วยสามารถแห่งสมถวิปัสสนา
แล้วทำกิจเบื้องต้น    ยังเนวสัญญานาสัญญายตนะให้ดับ     เป็นอันเข้า
นิโรธสมาบัติด้วยอาการอย่างนี้.    เพราะผู้ใดขวนขวายด้วยสามารถแห่ง
สมถะเท่านั้น      ผู้นั้นบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้วตั้งอยู่.
ส่วนผู้ใดขวนขวายด้วยสามารถแห่งวิปัสสนาเท่านั้น.     ผู้นั้นบรรลุผล-
สมาบัติแล้วตั้งอยู่.   อนึ่ง   ผู้ใดขวนขวายด้วยสามารถทั้งสองอย่าง   ย่อม
ยังเนวสัญญานาสัญญายตนะให้ดับ.    ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเข้าถึงนิโรธสมาบัติ
นี้เป็นความสังเขปในบทนี้.
           ส่วนความพิสดารพึงทราบดังต่อไปนี้     ภิกษุในศาสนานี้ประสงค์
จะเข้านิโรธ  ฉันอาหารเสร็จแล้ว    ล้างมือและเท้า     นั่งขัดสมาธิบน
อาสนะที่ปูไว้อย่างดีในโอกาสอันสงัด   ตั้งกายตรงดำรงสติไว้เฉพาะหน้า.
ภิกษุนั้นเข้าปฐมฌาน   ครั้นออกแล้วพิจารณาเห็นแจ้ง    สังขารทั้งหลาย
โดยความเป็นของไม่เที่ยง   เป็นทุกข์  เป็นอนัตตา  ณ  ที่นั้น.
          ก็วิปัสสนานั้นมี  ๓  อย่าง  คือ  สังขารปริคคัณหนกวิปัสสนา-
วิปัสสนากำหนดสังขาร  ๑  ผลสมาปัตติวิปัสสนา -  วิปัสสนาอันเป็นผล-
สมาบัติ  ๑  นิโรธสมาปัตติวิปัสสนา - วิปัสนาอันเป็นนิโรธสมาบัติ   ๑.
         ในวิปัสสนา  ๓  อย่างนั้น    สังขารปริคคัณหนกวิปัสสนา   จะอ่อน
หรือกล้าแข็งก็ตาม  ย่อมเป็นปทัฏฐานแห่งมรรคนั่นแหละ.   ผลสมาปัตติ-