แผนกหนึ่ง ๆ ด้วยหมวด ๘ ที่เหลือเว้นหมวดอายตนะ ธาตุ ด้วย |
สามารถธรรมหมวดหนึ่ง ๆ. ก็เพราะโลกุตรธรรมมิใช่เป็นธรรมที่ควร |
ตัด ด้วยการตัดขาดเหตุ. ฉะนั้น โลกุตรธรรมแม้ท่านสงเคราะห์เข้า |
ด้วยศัพท์ว่า สพฺพธมฺมา ก็ไม่พึงถือเอาในที่นี้ เพราะมีคำว่า สมุจเฉทะ |
ควรถือเอาเตภูมิธรรมอันควรตัดด้วยการตัดเหตุ. |
บทว่า สมฺมา สมุจฺฉินฺทติ - ตัดขาดโดยชอบ ความว่า เมื่อ |
ดับปริยุฏฐานกิเลสและอนุสัยกิเลส ด้วยอำนาจแห่งวิกขัมภนปหานะ |
ตทังคปหานะ และสมุจเฉทปหานะตามควร ชื่อว่า ตัดขาดโดยชอบ. |
ท่านแสดงการตัดขาดโดยชอบ ด้วยเทศนาเป็นบุคลาธิฏฐานอย่างนี้. |
บทว่า นิโรเธติ - ให้ดับ คือ ให้ดับด้วยอนุปาทนิโรธ - ดับ |
โดยไม่มีเกิดขึ้น. ด้วยบทนี้ท่านกล่าวถึงอรรถแห่งสมุจเฉท. |
บทว่า น อุปฏฺาติ - ย่อมไม่ปรากฏ ความว่า เมื่อดับอย่างนี้ |
แล้ว ธรรมนั้น ๆ ก็ไม่ปรากฏขึ้นอีก คือ ไม่เกิดขึ้น. ด้วยบทนี้ |
ท่านกล่าวถึงอรรถแห่งนิโรธ. ท่านแสดงถึงความไม่ปรากฏ ด้วยสามารถ |
แห่งธรรมอันไม่ปรากฏ. บทว่า สมํ - ความสงบ คือ ชื่อว่า สงบ |
เพราะกามฉันทะเป็นต้นสงบ. ธรรม ๓๗ คือ ธรรม ๗ มีเนกขัมมะ |
เป็นต้นเหล่านั้น รูปฌานอรูปฌาน ๘, มหาวิปัสสนา ๑๘, อริยมรรค ๔ |
ท่านกล่าวธรรมเป็นประธาน คือ สีสะ ๑๓ ประการ ด้วย |
สามารถแห่งการสงเคราะห์ธรรมทั้งหมดที่เป็นสีสะ แต่ในที่นี้ธรรมเป็น |