๙๑๐    ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ ๖๘.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑    ๙๑๑
            บทว่า  นานตฺเตกตฺตํ  -  สภาพต่าง  ๆ และสภาพเดียว   ในอุทเทส
หัวข้อนี้  คือ  แม้ไม่มีศัพท์ว่า  เอกตฺต   ผู้ประสงค์จะชี้แจงแม้สภาพเดียว
เพราะความที่เพ่งถึงกันและกันแห่งสภาพต่าง ๆ   และสภาพเดียว   จึงทำ
อุทเทสว่า   นานตฺเตกตฺตํ.   เมื่อแสดงสภาพเดียวในการขัดเกลาสภาพ
ต่าง  ๆ  ท่านก็แสดงถึงญาณในการขัดเกลาได้โดยง่าย.
            บทว่า   นานตฺตํ   คือ  สภาพต่าง  ๆ   เพราะความไม่มั่นคง  และ
เพราะมีความดิ้นรน.
            บทว่า   เอกตฺตํ   คือ  สภาพเดียว   เพราะความมั่นคง   และ
เพราะไม่ดิ้นรน.
            บทว่า   จรณเตโช  - จรณเดช   ชื่อว่า    จรณะ   เพราะอรรถว่า
เที่ยวไปสู่ทิศที่ยังมิได้ไป   คือ  นิพพาน  ด้วยจรณเดชนั้น.  จรณะนั้น
คือ   อะไร  ?   คือ  ศีล.   จรณะนั้นนั่นแหละ    ชื่อว่า   เป็นเดช  เพราะ
อรรถว่าเผาสิ่งเป็นข้าศึก.
            บทว่า  คุณเตโช  - คุณเดช   คือ   สมาธิเดช   อันเป็นที่ตั้งได้
ด้วยศีล.
            บทว่า   ปญฺาเตโช - ปัญญาเดช   คือ  วิปัสสนาเดช   อันเป็น
ที่ตั้งได้ด้วยสมาธิ.
            บทว่า  ปุญฺเตโช - ปุญญเดช   คือ   อริยมรรคกุสลเดช   อัน
เป็นที่ตั้งได้ด้วยวิปัสสนา.
            บทว่า  ธมฺนเตโช -  ธรรมเดช   คือ  พุทธวจนเดช   อันเป็น
หลักแห่งเดช  ๔.
            บทว่า   จรณเตเชน  เตชิตตฺตา   ได้แก่   ผู้มีจิตกล้าแข็ง   ย่อม
ยังเดชคือความเป็นผู้ทุศีลให้สิ้นไป   ด้วยจรณเดช   คือ   ศีลเดช.
            บทว่า   ทุสฺสีลฺยเตชํ    ได้แก่   เดช   คือ   ความเป็นผู้ทุศีล.
ชื่อว่า   เตโช   เพราะเผาสันดานแม้นั้น.
            บทว่า  ปริยาทิยติ  คือ  ให้สิ้นไป.
            บทว่า   อคุณเตชํ -  ยังเดชมิใช่คุณ  ได้แก่   เดช   คือ  ความ
ฟุ้งซ่าน  อันเป็นปฏิปักษ์ของสมาธิ.
            บทว่า   ทุปฺปญฺเตชํ -  เดช   คือ  ความเป็นผู้มีปัญญาทราม
ได้แก่   เดช  คือ  โมหะ  อันเป็นปฏิปักษ์  ต่อวิปัสสนาญาณ.
            บทว่า   อุปญฺเตชํ -  เดชมิใช่บุญ  ได้แก่  เดช  คือ  อกุศลกรรม
อันเป็นสหายของกิเลส   ด้วยการไม่ละกิเลส     อันทำลายมรรคนั้น ๆ
มิใช่ให้เดช   มิใช่ให้บุญสิ้นไปอย่างเดียวเท่านั้น   ยังกุศลธรรมให้สิ้นไป
ด้วย   เพราะพระบาลีว่า   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ธรรมไม่ดำ   ไม่ขาว
มีอยู่    กรรมอันเป็นวิบากของกรรมไม่ดำ  ไม่ขาว  ย่อมเป็นไปเพื่อ
ความสิ้นไปแห่งกรรมดังนี้    ท่านกล่าวเดชอันมิใช่บุญเท่านั้น   ด้วย
สามารถเป็นปฏิปักษ์ต่อเดชอันเป็นบุญ.
๑. องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๒๓๓.