นางสนม ที่นั่งให้พระเจ้าอุเทนหนุนตัก จึงสั่นพระเพลาให้กระเทือน เตือน |
พระราชาให้ตื่นบรรทม เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า หญิงถ่อยเหล่านั้นไปไหน |
กันหมด ? จึงกราบทูลว่า หญิงเหล่านั้นไปนั่งล้อมสมณะรูปหนึ่งอยู่. ท้าวเธอ |
สดับดังนั้น ก็ทรงพระพิโรธ เสด็จไปด่า บริภาษพระเถระ แล้วตรัสว่า เอาเถิด |
เราจักให้มดแดงรุมต่อยสมณะรูปนี้ แล้วตรัสสั่งให้เอารังมดแดง มาแกล้งทำ |
ให้กระจายลงที่ร่างกายพระเถระ ด้วยอำนาจแห่งความพิโรธ. พระเถระเหาะขึ้น |
ไปยืนในอากาศ ให้โอวาทพระราชา แล้วเหาะลอยไปลงตรงประตูพระคันธกุฏี |
ที่พระเขตวันนั่นเอง เมื่อพระตถาคตเจ้าตรัสถามว่า เธอมาจากไหนจึงกราบทูล |
เนื้อความนั้นให้ทรงทราบ. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภารทวาชะ พระเจ้า |
อุเทนเบียดเบียนบรรพชิตทั้งหลาย แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน |
ก็เบียดเบียนมาแล้วเหมือนกัน พระปิณโฑลภารทวาชะทูลอาราธนา จึงทรงนำ |
อดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้. |
ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนคร- |
พาราณสี พระมหาสัตว์บังเกิดในกำเนิดตระกูลคนจัณฑาลภายนอก |
พระนคร. มารดาบิดาขนานนามเขาว่า มาตังคมาณพ. ในเวลาต่อมา |
มาตังคมาณพ เจริญวัยแล้ว ได้มีนามปรากฏว่ามาตังคบัณฑิต. ในกาลนั้น |
ธิดาเศรษฐีในเมืองพาราณสี ชื่อ ทิฏฐมังคลิกา เมื่อถึงวาระเดือนหนึ่ง หรือ |
กึ่งเดือน ก็พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก จะไปยังอุทยานเพื่อเล่นสนุกสนาน |
กัน. อยู่มาวันหนึ่ง พระมหาสัตว์มาตังคบัณฑิต เดินทางเข้าไปยังพระนคร |
ด้วยกิจธุระบางประการ ได้เห็นนางทิฎฐมังคลิกา ระหว่างประตู จึงหลบไป |
ยืนแอบอยู่ ณ เอกเทศหนึ่ง. นางทิฏฐมังคลิกา มองดูตามช่องม่าน เห็น |
พระโพธิสัตว์จึงถามว่า นั่นเป็นใคร ? เมื่อบริวารชนตอบว่า ข้าแต่แม่เจ้า |