๖๑.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗   
นางสนม  ที่นั่งให้พระเจ้าอุเทนหนุนตัก   จึงสั่นพระเพลาให้กระเทือน   เตือน
พระราชาให้ตื่นบรรทม    เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า    หญิงถ่อยเหล่านั้นไปไหน
กันหมด ?   จึงกราบทูลว่า หญิงเหล่านั้นไปนั่งล้อมสมณะรูปหนึ่งอยู่.  ท้าวเธอ
สดับดังนั้น ก็ทรงพระพิโรธ  เสด็จไปด่า บริภาษพระเถระ  แล้วตรัสว่า เอาเถิด
เราจักให้มดแดงรุมต่อยสมณะรูปนี้    แล้วตรัสสั่งให้เอารังมดแดง   มาแกล้งทำ
ให้กระจายลงที่ร่างกายพระเถระ ด้วยอำนาจแห่งความพิโรธ. พระเถระเหาะขึ้น
ไปยืนในอากาศ  ให้โอวาทพระราชา  แล้วเหาะลอยไปลงตรงประตูพระคันธกุฏี
ที่พระเขตวันนั่นเอง เมื่อพระตถาคตเจ้าตรัสถามว่า  เธอมาจากไหนจึงกราบทูล
เนื้อความนั้นให้ทรงทราบ.    พระศาสดาตรัสว่า    ดูก่อนภารทวาชะ   พระเจ้า
อุเทนเบียดเบียนบรรพชิตทั้งหลาย  แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน
ก็เบียดเบียนมาแล้วเหมือนกัน  พระปิณโฑลภารทวาชะทูลอาราธนา  จึงทรงนำ
อดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้.
         ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ  ณ  พระนคร-
พาราณสี     พระมหาสัตว์บังเกิดในกำเนิดตระกูลคนจัณฑาลภายนอก
พระนคร.    มารดาบิดาขนานนามเขาว่า    มาตังคมาณพ.    ในเวลาต่อมา
มาตังคมาณพ  เจริญวัยแล้ว   ได้มีนามปรากฏว่ามาตังคบัณฑิต.   ในกาลนั้น
ธิดาเศรษฐีในเมืองพาราณสี  ชื่อ ทิฏฐมังคลิกา เมื่อถึงวาระเดือนหนึ่ง หรือ
กึ่งเดือน   ก็พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก    จะไปยังอุทยานเพื่อเล่นสนุกสนาน
กัน. อยู่มาวันหนึ่ง พระมหาสัตว์มาตังคบัณฑิต เดินทางเข้าไปยังพระนคร
ด้วยกิจธุระบางประการ    ได้เห็นนางทิฎฐมังคลิกา  ระหว่างประตู   จึงหลบไป
ยืนแอบอยู่   ณ  เอกเทศหนึ่ง.   นางทิฏฐมังคลิกา   มองดูตามช่องม่าน   เห็น
พระโพธิสัตว์จึงถามว่า  นั่นเป็นใคร ?     เมื่อบริวารชนตอบว่า    ข้าแต่แม่เจ้า
หน้า ๘