ผู้นั้นเป็นคนจัณฑาล จึงคิดว่า เราเห็นคนที่ไม่สมควรจะเห็นแล้วหนอ ดังนี้ |
แล้ว จึงล้างตาด้วยน้ำหอม กลับแค่นั้น. ส่วนมหาชนที่ออกไปกับธิดาของ |
ท่านเศรษฐี บริภาษว่า เฮ้ยไอ้คนจัณฑาลชาติชั่ว เพราะอาศัยเจ้าแท้ ๆ วันนี้ |
พวกเราจึงไม่ได้ลิ้มสุราและกับแกล้มที่ไม่ต้องซื้อหา อันความโกรธครอบงำ |
แล้ว จึงรุมซ้อมมาตังคบัณฑิต ด้วยมือและเท้า จนถึงสลบแล้วหลีกไป. |
มาตังคบัณฑิตสลบไปชั่วครู่ กลับฟื้นขึ้นรู้ตัว คิดว่า บริวารชนของนาง |
ทิฏฐมังคลิกา โบยตีเราผู้ไม่มีความผิด โดยหาเหตุมิได้ เราได้นางทิฏฐมังคลิกา |
เป็นภรรยาแล้วนั่นแหละ. จึงจะยอมลุกขึ้น ถ้าไม่ได้จักไม่ยอมลุกขึ้นเลย |
ครั้นตั้งใจดังนี้แล้ว จึงเดินไปนอนที่ประตูเรือนบิดาของนางทิฏฐมังคลิกานั้น. |
เมื่อเศรษฐีผู้บิดาของนางทิฎฐมังคลิกา มาถามว่า เพราะเหตุไร เจ้าจึงมานอน |
ที่นี่ ? มาตังคบัณฑิตจึงตอบว่า เหตุอย่างอื่นไม่มี แต่ข้าพเจ้าต้องการนาง |
ทิฏฐมังคลิกาเป็นภรรยา. ล่วงมาได้วันหนึ่ง เศรษฐีนั้นก็มาถามอีก พระ- |
โพธิสัตว์ก็ตอบยืนยันอยู่อย่างนั้น จนล่วงมาถึงวันที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และ |
ที่ ๖ พระโพธิสัตว์ก็ยังคงนอนและตอบยืนยันอย่างนั้น. ธรรมดาว่าการ |
อธิษฐานของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมสำเร็จ เพราะเหตุนั้น เมื่อครบ ๗ วัน |
คนทั้งหลายมีท่านเศรษฐีเป็นต้น จึงนำนางทิฏฐมังคลิกามามอบให้มาตังค- |
บัณฑิต. ลำดับนั้น นางทิฏฐมังคลิกา กล่าวกะมาตังคบัณฑิตว่า ข้าแต่ท่าน |
ผู้เป็นสามี เชิญท่านลุกขึ้นเถิด เราจะไปเรือนของท่าน. มาตังคบัณฑิตจึง |
กล่าวว่า นางผู้เจริญ เราถูกบริวารชนของเจ้าโบยตีเสียยับเยิน จนทุพลภาพ |
เจ้าจงยกเราขึ้นหลังแล้วพาไปเถิด. นางก็ทำตามสั่ง เมื่อชาวพระนครกำลัง |
มองดูอยู่นั่นแล ก็พามาตังคบัณฑิตออกจากพระนครไปสู่จัณฑาลคาม. |
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ มิได้ล่วงเกินนางให้ผิดประเพณีแห่งเผ่าพันธุ์ |
วรรณะ ให้นางพักอยู่ในเรือนสอง-สามวัน แล้วคิดว่า เมื่อตัวเราจักกระทำให้ |