๖๑.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗    ๑๐
ผู้นั้นเป็นคนจัณฑาล   จึงคิดว่า   เราเห็นคนที่ไม่สมควรจะเห็นแล้วหนอ   ดังนี้
แล้ว    จึงล้างตาด้วยน้ำหอม   กลับแค่นั้น.    ส่วนมหาชนที่ออกไปกับธิดาของ
ท่านเศรษฐี  บริภาษว่า เฮ้ยไอ้คนจัณฑาลชาติชั่ว   เพราะอาศัยเจ้าแท้ ๆ  วันนี้
พวกเราจึงไม่ได้ลิ้มสุราและกับแกล้มที่ไม่ต้องซื้อหา     อันความโกรธครอบงำ
แล้ว     จึงรุมซ้อมมาตังคบัณฑิต     ด้วยมือและเท้า     จนถึงสลบแล้วหลีกไป.
มาตังคบัณฑิตสลบไปชั่วครู่    กลับฟื้นขึ้นรู้ตัว      คิดว่า     บริวารชนของนาง
ทิฏฐมังคลิกา โบยตีเราผู้ไม่มีความผิด โดยหาเหตุมิได้  เราได้นางทิฏฐมังคลิกา
เป็นภรรยาแล้วนั่นแหละ.    จึงจะยอมลุกขึ้น    ถ้าไม่ได้จักไม่ยอมลุกขึ้นเลย
ครั้นตั้งใจดังนี้แล้ว    จึงเดินไปนอนที่ประตูเรือนบิดาของนางทิฏฐมังคลิกานั้น.
เมื่อเศรษฐีผู้บิดาของนางทิฎฐมังคลิกา   มาถามว่า  เพราะเหตุไร  เจ้าจึงมานอน
ที่นี่ ?   มาตังคบัณฑิตจึงตอบว่า   เหตุอย่างอื่นไม่มี   แต่ข้าพเจ้าต้องการนาง
ทิฏฐมังคลิกาเป็นภรรยา.    ล่วงมาได้วันหนึ่ง    เศรษฐีนั้นก็มาถามอีก    พระ-
โพธิสัตว์ก็ตอบยืนยันอยู่อย่างนั้น     จนล่วงมาถึงวันที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และ
ที่  ๖    พระโพธิสัตว์ก็ยังคงนอนและตอบยืนยันอย่างนั้น.    ธรรมดาว่าการ
อธิษฐานของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมสำเร็จ  เพราะเหตุนั้น  เมื่อครบ ๗ วัน
คนทั้งหลายมีท่านเศรษฐีเป็นต้น      จึงนำนางทิฏฐมังคลิกามามอบให้มาตังค-
บัณฑิต.  ลำดับนั้น    นางทิฏฐมังคลิกา  กล่าวกะมาตังคบัณฑิตว่า   ข้าแต่ท่าน
ผู้เป็นสามี    เชิญท่านลุกขึ้นเถิด    เราจะไปเรือนของท่าน.   มาตังคบัณฑิตจึง
กล่าวว่า   นางผู้เจริญ     เราถูกบริวารชนของเจ้าโบยตีเสียยับเยิน    จนทุพลภาพ
เจ้าจงยกเราขึ้นหลังแล้วพาไปเถิด.     นางก็ทำตามสั่ง     เมื่อชาวพระนครกำลัง
มองดูอยู่นั่นแล  ก็พามาตังคบัณฑิตออกจากพระนครไปสู่จัณฑาลคาม.
         ลำดับนั้น   พระมหาสัตว์  มิได้ล่วงเกินนางให้ผิดประเพณีแห่งเผ่าพันธุ์
วรรณะ  ให้นางพักอยู่ในเรือนสอง-สามวัน แล้วคิดว่า   เมื่อตัวเราจักกระทำให้
หน้า ๙